คาดการณ์ Apple จะเริ่มใช้โมเดม 5G ของตัวเองได้เร็วสุดปี 2023

คาดการณ์ Apple จะเริ่มใช้โมเดม 5G ของตัวเองได้เร็วสุดปี 2023

ช่วงนี้เราได้เห็น Apple เน้นการพัฒนาฮาร์ดแวร์ของตัวเองทั้ง CPU และ GPU และมีข่าวว่าแอ้ปเปิ้ลกำลังซุ่มพัฒนาโมเดม 5G ของตัวเองอยู่ ซึ่งก่อนหน้านี้ หลายฝ่ายต่างคาดการณ์ว่าจะได้เห็นโมเดมใหม่ในปี 2022 แต่ข้อมูลล่าสุดจากนักลงทุนเผยว่า เร็วๆสุดก็ปี 2023 ซึ่งก็ตรงกับทีมวิเคราะห์ที่ Barclays ที่ชี้ไปปี 2023 เช่นกัน 

Apple เคยยืนยันไปแล้วรอบหนึ่งเมือช่วงเดือนธันวาคมปี 2020 

ว่ากำลังเริ่มพัฒนาโมเดมที่ว่านี้ และไม่กี่เดือนที่ผ่านมาก็ได้อัดเงินลงทุนไปกว่า 1 พันล้านยูโรในส่วนงานวิจัยและพัฒนาใหม่ ที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมันนี โดยเป้าหมายหลักคือวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี 5G และเทคโนโลยีแบบไร้สายในอนาคต รวมถึงเทคโนโลยีอื่นๆด้วย 

แต่หลายอย่างก็ดูย้อนแย้ง เพราะก่อนหน้านี้ Apple มีปัญหากับทาง Qualcomm จนต้องกลับไปใช้บริการของ Intel ในปี 2018 แต่หลังจากนั้น Intel ก็ถอนตัวจากวงการ และขายส่วนงานผลิตโมเดมให้กับ Apple ในปี 2019  เนื่องจากทำกำไรไม่ได้ แต่ล่าสุดก็ดูเหมือนว่า Apple จะกลับมาใช้บริการของ Qualcomm อีกครั้ง โดยจากข้อมูลเผยว่ามือถือซีรี่ย์ iPhone 12 ใช้ชิพโมเดล X55 5G และข้อตกลงนี้ก็ยาวไปถึงปี 2023 ซึ่งนั่นหมายรวมถึงโมเดล X65 และ X70 ที่จะตามออกมาก็จะถูกใช้ใน iPhone 13 และ 14 อีกด้วย

เป็นไปได้ว่านี่คือแผนสำรองล่วงหน้าของ Apple ในกรณีที่งานวิจัยโมเดม 5G ของตัวเองไม่เสร็จตามระยะเวลาที่ตั้งเป้าไว้ แต่หากสำเร็จ ก็หมายความว่า Qualcomm จะต้องศูนย์เงินมหาศาลในส่วนนี้ ซึ่งนี่น่าจะเป็นแรงขับให้ Qualcomm ต้องปั่นงานโมเดม 5G หนักขึ้นกว่าเดิมสำหรับมือถือทั้ง mid-range และ even entry-level เพื่อตลาดที่กว้างกว่า ซึ่งจะช่วยกลบรายได้ส่วนที่จะขาดหาก Apple ทำสำเร็จ

โดยในปีนี้ OPPO มีผลการดำเนินการที่โดดเด่น ซึ่งเราได้เห็นแล้วว่า OPPO เป็นผู้นำในด้านการพัฒนาอยู่เสมอในการตอบโจทย์ความต้องการในท้องถิ่นของผู้บริโภคทั่วโลก พร้อมประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ให้เติบโตผ่านการผสมผสานทรัพยากรและข้อมูลเชิงลึกระดับโลก”

Kantar BrandZ™ เป็นแหล่งข้อมูลและข้อมูลเชิงลึกในด้านคุณค่าตราสินค้าและการประเมินมูลค่าแบรนด์ชั้นนำของโลก จากการสำรวจผู้บริโภคกว่า 860,000 ราย ใน 11 ตลาดทั่วโลก ซึ่งสามารถแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของแบรนด์ที่อยู่ในใจของผู้บริโภคทั่วโลกได้

Brand Power คือ เมตริกของ Kantar BrandZ™ ในคุณค่าตราสินค้า ที่ประกอบไปด้วยส่วนผสม 3 อย่างใน Brand Power โดย “Meaningful” ถือเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญที่สุดตัวหนึ่ง ซึ่งด้วยพันธกิจของแบรนด์ ‘Technology for Mankind, Kindness for the World’

ทำให้ OPPO มุ่งมั่นที่จะเลือกใช้นวัตกรรมที่มีคุณธรรม หรือ virtuous innovation ในการใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยให้ผู้คนสามารถบันทึกความงามรอบตัวและปลดปล่อยจินตนาการแห่งอนาคตได้

โดยในปีนี้ OPPO ได้สร้างผลงานชิ้นเอกแห่งทศวรรษ OPPO Find X3 Pro 5G ที่สามารถแสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมที่มีคุณธรรมด้วยเทคโนโลยีการถ่ายภาพด้วยสีสันอันล้ำสมัย พร้อมบุกเบิกการดีไซน์แห่งอวกาศ แสดงให้เห็นถึงการแสวงหาความสมบูรณ์แบบและการสร้างการเชื่อมต่อทางอารมณ์ที่แข็งแกร่งกับผู้บริโภค

นอกจากนี้ OPPO ยังมอบไลฟ์สไตล์แบบดิจิทัลไปสู่ผู้ใช้ทั่วโลก ด้วยประสบการณ์ที่ไหลลื่นในทุกสถานการณ์ผ่านนวัตกรรม อีกทั้งยังร่วมมือกับ Vodafone, Qualcomm และ Ericsson ทำให้ OPPO สามารถสร้างเครือข่าย 5G SA เชิงพาณิชย์แห่งแรกในยุโรปได้ พร้อมนำเครือข่ายที่มีความเร็วสูงแต่ความหน่วงต่ำมาสู่ผู้ใช้ในท้องถิ่นได้อีกด้วย

Capcom รายงานพบว่าทำรายได้สูงสุด 4 ปีติดต่อกัน

Capcom ได้ทำการเปิดเผยผลประกอบการประจำปี 2020 โดยพบว่าบริษัทนั้นทำรายได้สูงสุดติดต่อกันเป็นเวลา 4 ปี โดยปัจจัยหลักนั้นมาจากยอดขายของ MH Rise และ RE:3 Remake ถือว่าเป็นปีที่ดีก็ว่าสำหรับ Capcom ที่ได้มีการเปิดเผยรายงานผลประกอบการประจำปี 2020 ออกมา โดยพบว่าบริษัทนั้นสามารถทำรายได้สูงสุดเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นสถิติใหม่ต่อยอดจากปีที่ผ่านมา

โดยผลประกอบการดังกล่าวนั้นเป็นการจบลง ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 (2021) ซึ่งทางบริษัทนั้นสามารถทำยอดขายสุทธิ (net sales) ไปได้เป็นจำนวนเงิน 95.3 พันล้านเยน หรือ 859.6 ล้านดอลลาร์ ถือว่ามีการเพิ่มขึ้นแบบปีต่อปีถึง 16.8%

ในขณะที่รายได้จากการดำเนินการจริง ๆ (operating income) อยู่ที่ 34.6 พันล้านเยน (318.1 ล้านดอลลาร์) ถือว่าเพิ่มขึ้นมา 51.6% และทำให้นับได้ว่าบริษัทนั้นมีการเติบโตขึ้นมาเป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน ทางด้านของรายได้ทั่วไป (ordinary income) นั้นอยู่ที่ 34.8 พันล้านเยน (319.9 ล้านดอลลาร์) ถือว่าเพิ่มขึ้นมาถึง 51.8%

ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ได้มีการนับรวมตัวแปรอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบในช่วงที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ผ่าน ไม่ว่าจะเป็นทั้งในด้านของแผนกเครื่องเล่นเกมส์ Arcade ที่มีการลดลงไปเหลือ 18.4% ของยอดขายสุทธิ และ 87.7% ของรายได้จากการดำเนินการจริง

รวมไปถึงแผนกอื่น ๆ ของบริษัท ที่ทำการดูและตั้งแต่ด้าน Esports ไปจนถึงรายได้จากส่วนแบ่งลิขสิทธิ์ของหนังอย่างภาพยนต์ Monster Hunter ที่ฉายไปเมื่อปลายปีที่แล้ว

แนะนำ : ดูดวงไพ่ยิปซี | รีวิวที่พัก | รีวิวคาเฟ่ | วิธีลดน้ำหนัก | รีวิวอนิเมะ ญี่ปุ่น